logo

ศิษย์เก่าสัมพันธ์

 

 

ข้อบังคับสมาคมศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
พ.ศ. 2545

 



หมวดที่ 1
ชื่อ เครื่องหมาย สถานที่ตั้ง

ข้อ 1 สมาคมนี้มีชื่อว่า " สมาคมศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล " ใช้ชื่อย่อว่า สศวม. มีชื่อ
ภาษาอังกฤษว่า " Mahidol University Science Alumni Association " อักษรย่อว่า MSCA

ข้อ 2 เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็นตราพระมหามงกุฎอยู่ตรงกลาง ด้านล่างมีรูปอะตอมและเกลียวดีเอนเอ มีอักษรย่อของ สมาคมภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ด้านล่างซ้าย-ขวา และมีอักษรชื่อเต็มของสมาคมเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษล้อมเป็น วงรูปไข่อยู่ด้านนอก

ข้อ 3 สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่ ณ เลขที่ 272 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400


หมวดที่ 2
วัตถุประสงค์

ข้อ 4 สมาคมมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
4.1 ส่งเสริมความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างสมาชิก
4.2 ส่งเสริมสนับสนุนกิจการและเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติภูมิของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
4.3 ส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกและสังคมโดยรวม
4.4 ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง


หมวดที่ 3
ประเภทสมาชิก คุณสมบัติ การสมัครเข้าเป็นสมาชิกและค่าบำรุง

ข้อ 5 สมาชิกของสมาคมมี 3 ประเภท คือ

5.1 สมาชิกกิตติมศักดิ์
5.2 สมาชิกสามัญ
5.3 สมาชิกวิสามัญ
5.4 ยุวสมาชิก

ข้อ 6 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่บุคคลที่อุปการะช่วยเหลือทำประโยชน์แก่สมาคม หรือผู้มีเกียรติที่คณะกรรมการบริหารเห็นสมควร เชิญเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์

ข้อ 7 สมาชิกสามัญได้แก่

7.1 ผู้สำเร็จการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
7.2 อาจารย์และนักวิทยาศาสตร์ที่ปฏิบัติงานประจำในคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในอดีตและ ปัจจุบัน
7.3 ผู้ที่เคยเป็นนักศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของ คณะกรรมการบริหาร

ข้อ 8 สมาชิกวิสามัญได้แก่ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในคณะวิทยาศาสตร์ ผู้สนใจทั่วไปที่ขอสมัครเป็นสมาชิก และมีผลงานหรือให้ การสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์

ข้อ 9 ยุวสมาชิก นักศึกษาปัจจุบันของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ข้อ 10 การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม

10.1 ผู้ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกให้ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขาธิการ

10.2 ให้เลขาธิการนำรายชื่อผู้สมัคร เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่อพิจารณาการรับสมัครเข้าเป็นสมาชิก

10.3 เมื่อคณะกรรมการบริหารได้ลงมติรับสมัครเข้าเป็นสมาชิกแล้วให้เลขาธิการแจ้งให้ผู้สมัครทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้สมัครยัง
ไม่มีสิทธิเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์จนกว่าจะได้ชำระค่าบำรุงครบถ้วนตามระเบียบว่าด้วยค่าบำรุง

10.4 ผู้ที่ได้เป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์แล้วให้นายทะเบียนลงชื่อไว้ในทะเบียนสมาชิกของสมาคม

ข้อ 11 การเสียค่าบำรุง

11.1 สมาชิกกิตติมศักดิ์ไม่ต้องเสียค่าบำรุง

11.2 สมาชิกสามัญและวิสามัญ เสียค่าบำรุงสมาคมตลอดชีพ 1,000 บาท

11.3 ยุวสมาชิก เสียค่าสมัคร 100 บาท ครั้งเดียวเมื่อแรกเข้าเป็นนักศึกษาจนจบหลักสูตร ในกรณีที่ประสงค์จะเปลี่ยน เป็นสมาชิกสามัญตลอดชีพหลังสำเร็จการศึกษาเงินส่วนนี้จะถือว่าได้ชำระค่าบำรุงสมาชิกไว้ส่วนหนึ่งแล้ว


หมวดที่ 4
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

ข้อ 12 สมาชิกมีสิทธิ

12.1 ประดับตราเครื่องหมายของสมาคม
 
12.2 เข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญ ประชุมใหญ่วิสามัญ และการประชุมวิชาการของสมาคม
 
12.3 สมาชิกสามัญ มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง และเป็นกรรมการบริหารสมาคม
 
12.4 ได้รับบริการหรือผลประโยชน์ที่สมาคมจัดให้สมาชิก
 
12.5 มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม
 
12.6 มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อย 1 ใน 5 ของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 50 คน ทำหนังสือแจ้งต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้

ข้อ 13 สมาชิกมีหน้าที่

13.1 ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบของสมาคมซึ่งคณะกรรมการบริหารกำหนดขึ้น
 
13.2 สนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมของสมาคม เพื่อให้การดำเนินงานของสมาคมบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
 
13.3 ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
 
13.4 ไม่ประพฤติตนเป็นที่เสื่อมเสียชื่อเสียงแก่สมาคม

หมวดที่ 5
การขาดจากสมาชิกภาพ

ข้อ 14 สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้

14.1 ตาย
 
14.2 ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติ และสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับสมาคมเป็นที่เรียบร้อย
 
14.3 ที่ประชุมใหญ่ของสมาคม หรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้พ้นสมาชิกภาพด้วยเหตุที่ผู้นั้นประพฤติตนนำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม

หมวดที่ 6
คณะกรรมการบริหาร

ข้อ 15 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการบริหาร" มีหน้าที่บริหารงานกิจการของสมาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ คณะกรรมการประกอบด้วยนายก อุปนายก เลขาธิการ เหรัญญิก ปฏิคม นายทะเบียน ประชาสัมพันธ์ และกรรมการตำแหน่งอื่นๆ รวมกันแล้วมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 15 คน โดยดำรงตำแหน่งวาระละ 2 ปี และให้คณบดีคณะวิทยาศาสตร์เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง

ข้อ 16 ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกสมาคมต้องมาจากการเลือกตั้งของสมาชิกสามัญ สำหรับตำแหน่งอื่นให้นายกเป็นผู้แต่งตั้งจำนวน 7 คน และให้สมาชิกเป็นผู้เลือกตั้งอีกจำนวน 6 คน และคณบดีโดยตำแหน่งอีก 1 ตำแหน่ง

ข้อ 17 ถ้าตำแหน่งนายกว่างเพราะเหตุอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระ ให้อุปนายกเป็นนายกไปจนหมดวาระ ถ้าว่างลงเพราะนายกลาออก ให้ถือว่าคณะกรรมการชุดนั้นหมดสภาพการเป็นกรรมการบริหารของสมาคม และดำเนินการเลือกตั้งตำแหน่งนายกให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน

ข้อ 18 ถ้าตำแหน่งกรรมการสมาคมว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น แต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนจะอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น


หมวดที่ 7
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร

ข้อ 19 นายกสมาคม มีหน้าที่บริหารกิจการของสมาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ นโยบาย ข้อบังคับและระเบียบของสมาคม เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร เป็นผู้รักษาระเบียบการประชุมและดำเนินการประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับ

ข้อ 20 อุปนายก มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคม ปฏิบัติหน้าที่ตามที่นายกสมาคมได้มอบหมายและทำหน้าที่แทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยการทำหน้าที่แทนนายกสมาคม ให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน

ข้อ 21 เลขาธิการ มีหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมด เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติภารกิจของสมาคม และปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่างๆ ของสมาคม

ข้อ 22 เหรัญญิก มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของสมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆ ของสมาคมไว้เพื่อรับการตรวจสอบ

ข้อ 23 ปฏิคม มีหน้าที่ ติดต่อ ต้อนรับ และอำนายความสะดวกในการจัดเตรียมสถานที่ของสมาคมและ จัดเตรียมสถานที่ประชุมต่างๆ ของสมาคม

ข้อ 24 นายทะเบียน มีหน้าที่จัดทำทะเบียนและประวัติของสมาชิกทั้งหมดของสมาคมให้ถูกต้องเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ

ข้อ 25 ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิกและบุคคลโดยทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย

ข้อ 26 กรรมการตำแหน่งอื่นๆ มีหน้าที่คอยช่วยเหลือกิจการฝ่ายต่างๆ ของสมาคมและมีหน้าที่ตามแต่นายกจะมอบหมาย สำหรับคณะกรรมการชุดแรก ให้ผู้เริ่มการจัดตั้งสมาคมเป็นผู้เลือกตั้งประกอบด้วย นายกสมาคมและกรรมการอื่นๆ ตามจำนวนที่เห็นสมควรตามข้อบังคับ

ข้อ 27 คณะกรรมการบริหารของสมาคมสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 2 ปี และเป็นได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน เมื่อคณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้วแต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษารักษาการไปพลางก่อน จนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ และเมื่อคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและ
คณะกรรมการชุดใหม่ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ


หมวดที่ 8
การพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหาร

ข้อ 28 กรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งโดย

28.1 ออกตามวาระ
 
28.2 ตาย
 
28.3 ลาออก
 
28.4 ขาดจากสมาชิกภาพ
 
28.5 ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออก
 
28.6 ต้องรับอาญาจำคุกโดยคำพิพากษาจำคุก เว้นแต่ความผิดลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำขึ้นโดยประมาท
 
28.7 ในกรณีก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สมาคม ที่ประชุมใหญ่ลงมติไม่ไว้วางใจและถอนกรรมการบริหารทั้งคณะหรือบางคนได้ ด้วยคะแนนเสียง 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม

ข้อ 29 กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ออก


หมวดที่ 9
การดำเนินงานของคณะกรรมการบริหาร

ข้อ 30 คณะกรรมการบริหารมีอำนาจและหน้าที่ คือ

30.1 มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติโดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับ
 
30.2 มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม
 
30.3 มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการได้ แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการ จะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง
 
30.4 มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ
 
30.5 มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้
 
30.6 มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีอำนาจอื่นๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
 
30.7 มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม
 
30.8 มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ตามที่สมาชิกสามัญจำนวน 1 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมดได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ
 
30.9 มีหน้าที่อื่นๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

หมวดที่ 10
การประชุม

ข้อ 31 การประชุมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

31.1 การประชุมคณะกรรมการบริหาร
 
31.2 การประชุมใหญ่วิสามัญ
 
31.3 การประชุมใหญ่สามัญ

ข้อ 32 การประชุมคณะกรรมการบริหาร มีดังนี้

32.1 ให้คณะกรรมการบริหารประชุมปรึกษาหารือกิจการของสมาคม ปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง โดยให้เลขาธิการเป็นผู้เรียกประชุมตามความเห็นชอบของนายกหรือของกรรมการบริหารตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
 
32.2 องค์ประชุมทุกครั้งต้องมีกรรมการบริหารเข้าประชุม ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการบริหารทั้งหมด ให้นายกเป็นประธานที่ประชุม ถ้าประธานหรือผู้ทำหน้าที่แทนไม่อยู่ ให้ที่ประชุมเลือกตั้งประธานชั่วคราวในการประชุมนั้น
 
32.3 นอกจากจะได้บังคับไว้เป็นอย่างอื่น มติของคณะกรรมการบริหารให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ 33 การประชุมใหญ่สามัญ
ให้มีการประชุมใหญ่สามัญ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยให้เลขาธิการเป็นเป็นผู้นัดหมาย พร้อมส่งระเบียบวาระการประชุมให้สมาชิกทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน องค์ประชุมของการประชุมใหญ่สามัญต้องประกอบด้วย สมาชิกหรือสมาชิกที่ได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร ให้สมาชิกอื่นเป็นผู้แทนไม่น้อยกว่า 50 คน ในกรณีที่พ้นเวลานัดหมายไป 30 นาทีแล้ว ยังไม่ครบองค์ประชุม ให้ยกเลิกการประชุมในวันนั้นและให้เรียกประชุมใหม่ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก การประชุมครั้งนี้สมาชิกจะมาเท่าใดไม่จำกัดให้ถือเป็นองค์ประชุมได้ การประชุมใหญ่สามัญให้มีระเบียบวาระดังนี้
 

33.1 นายกแถลงผลงานในรอบปี
 
33.2 เหรัญญิกเสนองบดุล ซึ่งผู้ตรวจบัญชีของสมาคมรับรองแล้ว
 
33.3 เสนอประมาณการรายรับ - รายจ่าย ประจำปี
 
33.4 ปรึกษากิจการของสมาคม
 
33.5 เลือกตั้งตำแหน่งนายกใหม่ตามวาระ (ถ้ามี)
 
33.6 แต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี

ข้อ 34 การประชุมใหญ่วิสามัญ ให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญดังนี้
 

34.1 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเห็นสมควรให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง
 
34.2 สมาชิกสามัญไม่น้อยกว่า 50 คน มีสิทธิร้องขอให้เปิดประชุมใหญ่ได้ โดยแสดงความจำนงเป็นหนังสือต่อเลขาธิการล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 15 วัน
 
34.3 ให้เลขาธิการเป็นผู้นัดหมายพร้อมกับส่งระเบียบวาระการประชุมให้สมาชิกทราบล่วงหน้าก่อนเวลาประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน
 
34.4 การประชุมใหญ่วิสามัญทุกครั้งต้องมีสมาชิกเข้าประชุมไม่น้อยกว่า 50 คน จึงจะเป็นองค์ประชุมและดำเนินการได้ ถ้าพ้นเวลานัดหมายไป 30 นาทีแล้ว ยังไม่ครบองค์ประชุมให้ยกเลิกการประชุมใหญ่วิสามัญนั้น

ข้อ 35 การประชุมใหญ่ทุกครั้งให้นายกเป็นประธานที่ประชุม ถ้านายกไม่อยู่หรือไม่สามารถดำเนินการได้ ให้อุปนายกเป็นประธานที่ประชุม ถ้าทั้งนายกและอุปนายกไม่สามารถดำเนินการได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการบริหารคนหนึ่งเป็นประธานที่ประชุมนั้น

ข้อ 36 นอกจากจะบังคับไว้เป็นอย่างอื่น มติของที่ประชุมใหญ่ให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ 37 ในการประชุมใหญ่และประชุมคณะกรรมการบริหารทุกครั้ง ให้เลขาธิการเป็นผู้บันทึกรายงานการประชุมและให้ประธานที่ประชุมลงนามรับรองเพื่อรักษาไว้เป็นหลักฐาน


หมวดที่ 11
การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ 38 ให้นายกและเหรัญญิก เป็นผู้รับผิดชอบในการเงินและทรัพย์สินของสมาคมตามกฎหมาย และให้ทำรายงานการเงินและทรัพย์สินที่ได้รับการรับรองจากผู้ตรวจสอบบัญชีของสมาคมแล้ว เสนอต่อคณะกรรมการบริหารเป็นรายปี
อย่างน้อย 1 ครั้ง

ข้อ 39 เงินของสมาคมต้องนำฝากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เชื่อถือได้ และที่คณะกรรมการบริหารรับรองในนามของสมาคม เงินส่วนหนึ่งให้นำฝากธนาคารประเภทเงินฝากประจำ หรือกระทำการอื่นใดที่จะก่อให้เกิดดอกออกผล ตามที่คณะกรรมการบริหารเห็นสมควร เว้นแต่กรณีเงินบริจาคซึ่งผู้บริจาคได้กำหนดเงื่อนไขไว้เป็นอย่างอื่น

ข้อ 40 เหรัญญิกจะเก็บรักษาเงินสดไว้เป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนไม่เกิน 5,000 บาท ถ้าเกินจากนั้นต้องนำฝากธนาคาร ในกรณีที่มีกิจกรรมที่ต้องมีค่าใช้จ่าย ให้นายกมีสิทธิอนุมัติเงินเป็นครั้งคราวตามวงเงินที่ที่ประชุมได้กำหนดไว้

ข้อ 41 การถอนเงินของสมาคมจากธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น และการสั่งจ่ายเงินของสมาคมจากธนาคาร โดยวิธีใช้เช็คธนาคาร จะต้องมีการลงนามโดยกรรมการบริหารสองคน คือ นายกหรืออุปนายกกับเหรัญญิก หรือเลขาธิการ

ข้อ 42 คณะกรรมการบริหาร จะใช้จ่ายภายในวงเงินประมาณการที่ได้รับอนุมัติ เว้นแต่ในกรณีจำเป็นให้นายกมีอำนาจสั่งจ่ายนอกเหนือจากวงเงินประมาณการรายจ่ายไม่เกินดุลร้อยละสิบของงบขาดดุล และแจ้งให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารทราบในการประชุมคราวต่อไป

ข้อ 43 การจ่ายเงินทุกครั้งต้องมีหลักฐานในการจ่ายนั้นๆ ไว้เพื่อตรวจสอบ และหลักฐานนั้นให้เหรัญญิกเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี จึงจะทำลายได้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร

ข้อ 44 ให้ที่ประชุมใหญ่ประจำปีแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ถูกต้องตามกฎหมายเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของสมาคม


หมวดที่ 12
การแก้ไขข้อบังคับ

ข้อ 45 การแก้ไขเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมหรือยกเว้นข้อบังคับเฉพาะกรณีจะทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือที่ประชุมใหญ่วิสามัญ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียงที่มาประชุม

ข้อ 46 ที่ประชุมใหญ่ลงมติในการนี้ก็ต่อเมื่อมีสมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียงไม่น้อยกว่า 20 คน หรือคณะกรรมการบริหารเป็นผู้เสนอโดยให้เสนอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการล่วงหน้าก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่นั้นไม่น้อยกว่า 30 วัน
ข้อ 47 ให้เป็นหน้าที่ของเลขาธิการ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร ส่งสำเนานั้นไปให้สมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียงทราบไม่น้อยกว่า 10 วัน และให้ประกาศไว้ ณ สำนักงานสมาคมไม่น้อยกว่า 5 วัน ก่อนที่จะมีการประชุม

ข้อ 48 ข้อบังคับที่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมดังกล่าวนั้น ให้ใช้บังคับเมื่อได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว


หมวดที่ 13
การเลิกสมาคมและการชำระบัญชี

ข้อ 49 การเลิกสมาคม จะกระทำได้โดยคะแนนเสียง 3 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมดมีมติให้เลิก

ข้อ 50 ให้ที่ประชุมใหญ่เป็นผู้ลงมติแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี และการชำระบัญชีให้เป็นไปตามกฎหมาย

ข้อ 51 ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลือจากการชำระบัญชีมีอยู่เท่าใดให้ตกเป็นของมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อประโยชน์ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล


หมวดที่ 14
บทเฉพาะกาล

ข้อ 52 ข้อบังคับฉบับนี้ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเป็นต้นไป

ข้อ 53 เมื่อสมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจากทางราชการ ให้ถือว่าผู้เริ่มการจัดตั้งสมาคมทั้งหมดเป็นสมาชิกสามัญและกรรมการบริหารจนกว่าจะได้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหาร

ข้อ 54 ในปีแรกของการจัดตั้งสมาคมให้ผู้สมัครเป็นสมาชิกสามัญและวิสามัญตลอดชีพ จ่ายค่าบำรุงโดยมีส่วนลดร้อยละห้าสิบ

ผู้จัดทำข้อบังคับ                                     

(ศาสตราจารย์พรชัย มาตังคสมบัติ)                     
นายกสมาคม