คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สื่อสารความรู้สู่สังคมอย่างต่อเนื่อง จัดงานเสวนาพิเศษ NOBEL PRIZE in Science Café Vol.3 ตอน “ไวรัสตับอักเสบซี” อธิบายผลงานของ ศาสตราจารย์ฮาร์วีย์ เจ อัลเทอร์ (Harvey J. Alter) ศาสตราจารย์ไมเคิล ฮอตัน (Michael Houghton) และศาสตราจารย์ชาร์ลส์ เอ็ม ไรซ์ (Charles M. Rice) 3 นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C virus) สาเหตุของมะเร็งตับ ซึ่งเป็นการช่วยมนุษยชาติได้หลายล้านคน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ประจำปี 2020 สร้างแรงบันดาลใจและความตระหนักต่อบทบาทและความสำคัญของวิทยาศาสตร์ ให้กับนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจ โดยมี รองศาสตราจารย์ พญ.อรุณี ธิติธัญญานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา รองศาสตราจารย์ ดร.วิไล หนุนภักดี เทียนรุ่งโรจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี และ รองศาสตราจารย์ ดร.ชื่นจิตต์ บุญเฉิด อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบซี สาเหตุของการเกิดมะเร็งตับ และเรื่องราวการค้นพบโครงสร้างไวรัส ซึ่งนำไปสู่การค้นหายาต้านไวรัสตับอักเสบซีโดยตรงได้สำเร็จ ถือเป็นการสร้างประโยชน์และยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ไปอีกขั้น รวมถึงโอกาสและความเป็นไปได้ในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซี ดำเนินรายการโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พญ.พิมทิพย์ สังวรินทะ อาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม 2563 เวลา 11:00 – 12:00 น. ณ ห้องประชุม K102 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท พร้อมถ่ายทอดสดทาง Facebook page คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อีกด้วย
ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C virus) เป็นปัญหาด้านสุขภาพทั่วโลกในระดับที่เทียบเท่ากับการติดเชื้อเอชไอวีและวัณโรค ปัจจุบันพบว่ามีผู้ติดเชื้อกว่า 70 ล้านคน และเสียชีวิตแล้วจำนวนกว่า 400,000 คน การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนั้นติดต่อผ่านการรับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดที่มีชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของไวรัสอยู่ ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และนำไปสู่มะเร็งตับในที่สุด โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่มีอาการใด ๆ เลยจนกว่าจะมีการเสื่อมของตับมาก ๆ กระทั่งตับแข็งแล้ว
ปัจจุบันยารักษาไวรัสตับอักเสบซีมีหลายชนิด ทั้งยาแบบฉีด และยาแบบรับประทานที่ออกฤทธิ์ต่อไวรัสโดยตรง (DAAs: Direct acting antiviral agents) เช่น โซฟอสบูเวียร์ (Sofosbuvir) ซึ่งได้รับการบรรจุอยู่ใน สปสช.แล้ว การรักษาด้วยการฉีดยาร่วมกับการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องผู้ป่วยสามารถหายขาดได้ อัตราการตอบสนองต่อยาอาจสูงถึงร้อยละ 90 ขึ้นอยู่กับชนิดย่อยของไวรัส ซึ่งแบ่งออกเป็นอีก 7 ชนิดย่อย และอาจจะมีการค้นพบชนิดย่อยใหม่ ๆ เพิ่มเติมในอนาคต สำหรับประเทศไทยส่วนมากมีผู้ป่วยด้วยไวรัสตับอักเสบซีชนิดที่ 3 มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 40 ในส่วนของวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซีนั้น เนื่องจากตัวไวรัสมีการพัฒนาตนเองเพื่อความอยู่รอดอย่างต่อเนื่องและมีความหลากหลายแม้จะอยู่ในผู้ป่วยเพียงคนเดียว การพัฒนาวัคซีนที่ครอบคลุมการติดเชื้ออาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ตรวจสอบโดย : นางสาวปนิดา พยุหกฤษ
เขียนข่าว: นางสาวปัณณพร แซ่แพ
ภาพกิจกรรม: นายนภาศักดิ์ ผลพานิช
เว็บมาสเตอร์: นางอริศรา รักษ์ดำรงธรรม