ประวัติส่วนตัว
เกิดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.
2486 ที่จังหวัดอ่างทอง สำเร็จการศึกษามัธยมต้นจากโรงเรียนป่าโมกข์วิทยาภูมิ
มัธยมปลายจากโรงเรียนเทพศิรินทร์
และโรงเรียนเตรียมอุดศึกษา หลังจากเข้าศึกษาเตรียมแพทยศาสตร์อยู่
2 ปี ได้รับทุน ก.พ. ไปศึกษา ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาจนสำเร็จปริญญาตรี
สาขาชีวเคมี จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
(University of California, Berkeley)
ในปี พ.ศ. 2510 และปริญญาเอกสาขาชีวเคมีในปี
พ.ศ. 2514 จากมหาวิทยาลัยไอโอวา (University
of lowa, lowa City) สมรสกับนางพูนพันธ์
(อัตตะนันท์) พันธุ์ยิ้ม มีบุตร 3
คน คือ นายธีรธร นายก่อพร และนายธัชทร
ประวัติการทำงาน
เมื่อสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2514
ได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทำหน้าที่สอนวิชาชีวเคมีแก่นักศึกษาแพทยศาสตร์
และนักศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย และปฏิบัติงานวิจัยศึกษาโครงสร้างและทำหน้าที่ของโปรตีนฮีสโตนส์
(histones) ซึ่งพบในนิวเคลียส จนปี
พ.ศ. 2520 ได้ปฏิบัติงานวิจัยที่ Friedrich
Miescher Institute ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ในปี
พ.ศ. 2518 และรองศาสตราจารย์ในปี พ.ศ.
2521 ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าภาควิชาชีวเคมี
ระหว่างปี พ.ศ. 2527-2531 ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นประจำปี
2528 ในสาขาชีวเคมี จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์
และรางวัลที่ 1 ผลงานประดิษฐ์คิดค้น
"ชุดตรวจหาเชื้อมาลาเรียด้วยเทคนิคดีเอ็นเอ"
ประจำปี พ.ศ. 2539 จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์สาขาชีวเคมี
ในปี พ.ศ. 2535 และศาสตราจารย์ระดับ
11 ในปี พ.ศ. 2538 ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
(ม.ป.ช.) ปี พ.ศ. 2540
ศาสตราจารย์
ดร. สกล พันธุ์ยิ้ม ได้ใช้ความรอบรู้ด้านอณูพันธุศาสตร์อย่างลึกซึ้งในการศึกษาวิจัยหลายด้านอาทิ
การจำแนกความหลายหลายของยุงก้นปล่องโดยใช้
DNA probe ค้นพบวิธีการตรวจหาเชื้อมาลาเรียจากเลือดโดยการตรวจสอบ
DNA การศึกษายีนฆ่าลูกน้ำยุงจากแบคทีเรีย
บาซิลลัส ทิวริงจินซิส การแยกและเพิ่มปริมาณของยีนสร้าง
growth hormone ของปลาบึก การสร้างลายพิมพ์
DNA ในคน และจำแนกบุคคลจากลายพิมพ์นี้
การศึกษา RNA และ DNA virus ซึ่งก่อให้เกิดโรคในกุ้งกุลาดำ
ผลงานวิจัยโดยสรุป
ศาสตราจารย์
ดร.สกล พันธุ์ยิ้ม ได้ทำการวิจัยด้านอณูชีววิทยา
โดยผลงานการศึกษาโปรตีน histones และการหาวิธีจำแนกโปรตีนเหล่านี้ออกเป็น
5 ชนิด ได้ด้วยการแยกโดยกระแสไฟฟ้า
เป็นผลงานเด่นที่มีผู้นำไปใช้อ้างอิงมากกว่า
2,558 ครั้ง
ได้ศึกษาหาวิธีการจำแนกความหลายหลายของยุงก้นปล่องโดย
DNA probe โดยการใช้วิธีการทางพันธุวิศวกรรม
ค้นหา DNA จำเพาะของยุงก้นปล่องจนได้
DNA จำเพาะต่อยุงก้นปล่อง สปีซีส์
A, B, C, D และ DNA จำเพาะดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นเป็น
DNA probe สำหรับการตรวจหาและจำแนกสปีซีส์ของยุงก้นปล่องโดย
สามารถตรวจหาได้จากชิ้นส่วนของยุงหรือลูกน้ำ
ได้ศึกษา DNA ซ้ำซ้อน (repetitive
DNA) ในเชื้อมาลาเรียชนิดฟาลซิปารุ่มและไวแวกซ์
เพื่อหาโครงสร้างและหน้าที่ DNA ดังกล่าว
การศึกษานี้ได้แยก DNA ซ้ำซ้อนที่พบเฉพาะในเชื้อมาลาเรียชนิดฟาลซิปารุ่มและไวแวกซ์
เมื่อหาโครงสร้างที่ลำดับนิวคลีโอไทด์แล้ว
ได้นำข้อมูลการเรียงลำดับมาสังเคราะห์
DNA primer แล้วใช้กระบวนการ polymerase
chain reaction (PCR) มาเพิ่มขยาย
DNA ซ้ำซ้อนที่จำเพาะดังกล่าว จนสามารถพัฒนาขึ้นเป็นวิธีการตรวจหาเชื้อมาลาเรียจากเลือด
โดยวิธีง่ายๆ มีความไวในระดับเชื้อ
1 ตัวต่อเลือด 1 ml และให้ผลตรวจประมาณ
50 ตัวอย่างภายในเวลา 4 ชั่วโมง
ได้ศึกษายีนฆ่าลุกน้ำยุงจากแบคทีเรีย
บาซิลลัสทิวริงจีนซิส ซึ่งฆ่าลูกน้ำยุงอย่างจำเพาะโดยไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์
ได้แยกยีนจากแบคทีเรียมาศึกษาโครงสร้าง
โดยพบว่ายีนดังกล่าวมีขนาดประมาณ
3.8 กิโลเบส และสร้างโปรตีนขนาด 130
กิโลดาลตัน โดยส่วนที่ออกฤทธิ์ฆ่าลูกน้ำยุงอยู่ในชิ้นส่วนขนาด
72 กิโลดาลตัน เมื่อศึกษาโครงสร้างอย่างละเอียดที่ลำดับนิวคลีโอไทด์
ทำให้เป็นแนวทางที่จะนำยีนฆ่าลูกน้ำยุงดังกล่าว
ไปตัดต่อใส่เข้าในแบคทีเรียอื่นๆ
ที่พบในแหล่งน้ำที่ยุงวางไข่หรือแบคทีเรียที่พบในกระเพาะลูกน้ำ
ได้ศึกษายีนเร่งการเจริญเติบโตในสัตว์และคน
(GH gene) โดยทำการแยกยีน GH ไปผลิตฮอร์โมน
GH และได้ศึกษาจนทราบโครงสร้างลำดับนิวคลีโอไทด์ของยีน
และนำยีน GH ไปผลิตฮอร์โมน GH ปริมาณมากในแบคทีเรีย
โดยฮอร์โมน GH ที่ผลิตได้สามารถเร่งการเจริญเติบโตของปลาได้
นอกจากนี้ยังมีผลงานร่วมวิจัยศึกษาวิธีการสร้างลายพิมพ์
DNA ในคนและแบคทีเรีย จนได้วิธีจำแนกบุคคลจากลักษณะลายพิมพ์
DNA การศึกษาและค้นหาไวรัสซึ่งก่อโรคในกุ้งกุลาดำ
จนพบ RNA virus ก่อโรคหัวเหลืองและ
DNA virus ก่อโรคตัวแดงจุดขาว ได้ออกแบบ
DNA primer ในการตรวจหาไวรัสดังกล่าวในกุ้งกุลาดำจนนำไปใช้ในภาคสนามได้
งานวิจัยในอนาคต
อุตสาหกรรมเลี้ยงกุ้งมีมูลค่าการส่งออกประมาณ
8 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่ถูกคุมคามจากโรคไวรัสหัวเหลืองและตัวแดงจุดขาว
ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียหายมากถึง
25% การป้องกันผลเสียหายจากโรคไวรัสโดยวิธีสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กุ้ง
เช่น การใช้วัคซีนจะเป็นวิธีลดการตายของกุ้งได้
แต่ระบบภูมิคุ้มกันของกุ้งแตกต่างจากคนและสัตว์
เนื่องจากกุ้งมีแต่ระบบภูมิคุ้มกันเบื้องต้นเท่านั้น
วัคซีนที่จะใช้ในกุ้งจะแตกต่างจากในคน
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาหาวิธีสร้างภูมิคุ้มกันเบื้องต้นเท่านั้น
วัคซีนที่จะใช้ในกุ้งจะแตกต่างจากในคน
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาหาวิธีสร้างภูมิคุ้มกันใหม่ที่แตกต่างจากในคนโดยสิ้นเชิง
วิธีใหม่ที่สามารถหยุดยั้งการลอกแบบเพิ่มจำนวนไวรัสในเซลกุ้งเป็นทางเลือกที่มีความเป็นไปได้สูง
การใช้เทคโนโลยี SiRNA หยุดยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัสเพื่อพัฒนาเป็นวัคซีน
จะเป็นงานวิจัยในอนาคตของโครงการนี้
SiRNA หรือ small interference RNA
เป็นนิวคลีโอไทด์ขนาดเล็ก ซึ่งสามารถหยุดยั้งการทำงานของยีนที่มีการเรียงลำดับเบสเหมือนกับ
SiRNA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการนี้จะออกแบบ
SiRNA ให้หยุดยั้งการทำงานของยีนที่จำเป็นต่อการเพิ่มจำนวนไวรัสในเซลกุ้ง
แล้วพัฒนา SiRNA ดังกล่าวขึ้นเป็นวัคซีน
ซึ่งต้องมีการพัฒนา "ตัวพา" SiRNA
ดังกล่าวเข้าเซลกุ้งอย่างมีประสิทธิผล
"ตัวพา" SiRNA อาจเป็นไวรัสที่พบเสมอในกุ้งโดยธรรมชาติ
แต่ไม่แสดงผลร้ายใดๆ ต่อกุ้ง ซึ่งโครงการมีข้อมูลเบื้องต้นแล้ว
การพัฒนา "ตัวพา" ให้สามารถสร้าง
SiRNA ในกุ้ง จะเป็นวิธีใหม่ในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไวรัสในกุ้งกุลาดำ
นอกจากนี้โครงการจะศึกษากลไกการสร้าง
SiRNA ในเซลกุ้ง และการออกฤทธิ์ SiRNA
ในระดับโมเลกุล ได้แก่ ศึกษาการทำงานของ
Dicer และ RISC complex ตลอดจนยีนที่เกี่ยวข้องในเซลกุ้ง
ซึ่งยังไม่มีข้อมูลเหล่านี้ในกุ้งแต่อย่างใด
การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์
ผลงานโครงการจะเป็นสิทธิบัตรและสิ่งตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ
หากโครงการประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี
SiRNA ขึ้นเป็นวัคซีนป้องกันโรคไวรัสในกุ้ง
วัคซีนชนิดใหม่นี้จะเป็นประโยชน์ในอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงกุ้ง
ป้องกันการเสียหายจากโรคไวรัสหัวเหลืองและโรคตัวแดงจุดขาว
ซึ่งน่าจะป้องกันความสูญเสียให้กับอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงกุ้งมากกว่าพันล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้เทคโนโลยี SiRNA อาจจะพัฒนาขึ้นเป็นวัคซีนป้องกันไวรัสในสัตว์เศรษฐกิจ
เช่น โรคปากเท้าเปื่อยในวัว ควาย
โรคท้องร่วงในสุกร โรคไวรัสหวัดในไก่
เหล่านี้เป็นต้น
จากหนังสือ :
เมธีวิจัยอาวุโส สกว. 2546. กรุงเทพฯ
: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย,
2546. |