งานพัฒนาระบบและเทคโนโลยี

Google จัดงาน Google I/O 2025

สรุปเนื้อหางาน Google I/O 2025

งาน Google I/O เป็นงานประชุมประจำปีของ Google ที่จัดขึ้นเพื่อแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับนักพัฒนา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หัวข้อหลักของงานคือ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Gemini ซึ่งเป็นโมเดล AI ของ Google โดยมีการประกาศและอัปเดตที่สำคัญมากมาย ดังนี้:

1. การมุ่งเน้น AI อย่างเต็มรูปแบบ:

  • Gemini: เป็นหัวใจหลักของงาน โดยเน้นการพัฒนาให้เป็น “Agent” หรือผู้ช่วย AI ที่สามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้หลากหลาย เช่น การท่องเว็บ, จองตั๋ว, จัดการตารางงาน, และสั่งซื้อสินค้า
  • Google AI Ultra: เป็นแพ็กเกจการสมัครสมาชิกใหม่ที่ราคาค่อนข้างสูง (249.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือประมาณ 9,400 บาท) เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์ AI ขั้นสูงและทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อนใคร รวมถึง:
  • Gemini 2.5 Deep Think: โหมดใหม่ที่เน้นความสามารถในการใช้ตรรกะเชิงลึก ครอบคลุมคณิตศาสตร์ โค้ด และมัลติโมดัล (เข้าใจทั้งข้อความ รูปภาพ และเสียง)
  • Veo 3: เครื่องมือสร้างวิดีโอพร้อมเสียงแบบ Native Audio
  • Project Mariner: ผู้ช่วย AI ที่สามารถทำงานหลายอย่างในเบราว์เซอร์ได้พร้อมกัน (สูงสุด 10 งาน) เช่น การจองเที่ยวบิน, การวิจัย, หรือการซื้อของ
  • Google AI Pro: (ชื่อเดิม Gemini Advanced) ราคา 19.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 750 บาท) ที่จะได้รับฟีเจอร์ AI หลักของ Flow และสิทธิ์การสร้าง 100 ครั้งต่อเดือน

การยกระดับ Google Search ด้วย AI:

  • AI Mode: ฟีเจอร์ใหม่ที่เริ่มเปิดให้ทดลองใช้ในสหรัฐฯ โดยจะเปลี่ยน Google Search ให้กลายเป็นการสนทนาโต้ตอบกับ AI ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนได้ และ AI จะดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาสรุปให้ รวมถึงสามารถใช้ข้อมูลส่วนตัวจาก Gmail เพื่อปรับผลลัพธ์ให้ตรงใจมากขึ้น และสร้างกราฟหรือแผนภูมิจากคำค้นหาได้
  • AI Overviews: การสรุปข้อมูลด้วย AI ที่ปรากฏอยู่ด้านบนของผลการค้นหา ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 1.5 พันล้านคน และทำให้ผู้ใช้ค้นหาด้วยคำที่ยาวและซับซ้อนขึ้น

3. นวัตกรรม AI ด้านสื่อและการสื่อสาร:

  • Flow: เครื่องมือสร้างภาพยนตร์ด้วย AI ที่ใช้ Veo, Imagen, และ Gemini ช่วยในการกำกับกล้อง สร้างฉาก และเขียนสคริปต์
  • Veo 3 และ Imagen 4: โมเดลสร้างวิดีโอและรูปภาพที่ได้รับการอัปเกรดให้มีคุณภาพสูงขึ้น รายละเอียดดีขึ้น และสามารถสร้างข้อความได้ดีขึ้น
  • Google Beam (เดิม Project Starline): เทคโนโลยีการสื่อสารแบบ 3 มิติ ที่สร้างภาพผู้ร่วมสนทนาแบบเสมือนจริงขนาดเท่าคนจริง ช่วยให้การสนทนาดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ต้องใช้แว่นตา และมีการรองรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ใน Google Meet และ Beam
  • Google Meet Live Translation: ฟีเจอร์แปลภาษาระหว่างการประชุมแบบเรียลไทม์ โดยจะแปลและพากย์เสียงของผู้พูดในภาษาเป้าหมายทันที

4. การพัฒนา AI สำหรับนักพัฒนาและบริการอื่นๆ ของ Google:

  • Gemini 1.5 Pro: โมเดลเรือธงของ Google ที่สามารถประมวลผล Context Window ได้มากถึง 2 ล้าน Tokens (เทียบเท่า 1.4 ล้านคำ หรือวิดีโอ 2 ชั่วโมง) ทำให้เข้าใจบริบทที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น และลดการเบี่ยงเบนหัวข้อ
  • Android 15: ระบบปฏิบัติการมือถือเวอร์ชันล่าสุด พร้อมฟีเจอร์ AI ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, การปรับปรุงความเป็นส่วนตัว, และตัวเลือกการปรับแต่ง
  • Google Play Store: ฉลาดและยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยหน้าเบราว์เซอร์ตามหัวข้อ (เช่น กีฬา Live, หนัง, รายการทีวี) และ Google Play Collections สำหรับหมวดหมู่การท่องเที่ยว
  • Google Workspace: ได้รับฟีเจอร์ AI เต็มระบบ เพื่อช่วยในการทำงาน เช่น การตอบกลับอีเมลอัตโนมัติที่สามารถปรับโทนเสียงให้เข้ากับผู้รับได้
  • Android XR: Google กำลังทำงานร่วมกับ Gentle Monster และ Warby Parker เพื่อพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะที่รองรับ Android XR

โดยรวมแล้ว Google I/O ในช่วงนี้เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Google ที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกแง่มุมของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การค้นหาข้อมูล การทำงาน การสื่อสาร ไปจนถึงการสร้างสรรค์คอนเทนต์