Mahidol Science Café “เพศกำเนิด เพศกำหนด”
- June 30, 2022
- 16 minutes
28 มิถุนายน 2565 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดเสวนา Mahidol Science Café “เพศกำเนิด เพศกำหนด” แบบ Hybrid พูดคุยแบบสบาย ๆ สร้างความเข้าใจ เพิ่มการตระหนักรู้ถึงความหลากหลายในกลุ่ม LGBTQIAN+ สู่ประชาคมเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลอง Pride Month หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาวหลากหลายทางเพศ โดยมี อาจารย์เคท ครั้งพิบูลย์ อาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจารย์ นพ.สิระ กอไพศาล อาจารย์ประจำสาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมพงษ์ จอห์นส์ แสงวิไล ผู้ช่วยคณบดี และอาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ อาจารย์ ดร.พหล โกสิยะจินดา อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้บรรยาย ต่อด้วยกิจกรรม MUSC Happy Pride Month ซึ่งประกอบด้วยการแสดงนิทรรศการ Pride Exhibition ที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมแชร์ความคิดเห็นในหัวข้อ Loving and Sharing ผลักดันความเท่าเทียมในประเด็น LGBTQIAN+ ปิดท้ายด้วยการแสดงดนตรีโดยศิลปินน้อง ๆ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ อาทิ อัฐ BE และวงละเมอ ดำเนินรายการโดย อาจารย์ ดร.นภัทร รัตน์นราทร อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา และ อาจารย์ ดร.ธันฐภัทร์ บุญช่วย อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ณ บริเวณอาคารเรียนรวม (ตึกกลม) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 70 คน
ในส่วนของการรับรู้อัตลักษณ์ทางเพศของตนเอง อาจารย์ นพ.สิระ กอไพศาล กล่าวว่าเด็กจะเริ่มรับรู้ถึงอัตลักษณ์ทางเพศของตนเองได้ตั้งแต่อายุประมาณ 3 – 6 ขวบ เริ่มคงที่ตั้งแต่ 6 – 7 ขวบ และเริ่มพัฒนาให้มั่นคงหลังอายุ 7 ขวบ เป็นต้นไป แต่เมื่อรับรู้ถึงอัตลักษณ์ทางเพศของตนเองแล้ว การแสดงตัวตนให้สังคมรับรู้อาจจะไม่ตรงกับอัตลักษณ์ทางเพศของตนเองเสมอไป เพราะในสังคมเราถูกกำกับความคิดเรื่องเพศด้วยกล่องความเป็นผู้หญิงและกล่องความเป็นผู้ชายด้วยวิธีอย่างไม่เป็นทางการ เช่น ความเชื่อทางศาสนา และอย่างเป็นทางการผ่านสถาบันทางสังคม เช่น โรงเรียน ที่มีกฎระเบียบ แนวทางปฏิบัติแยกหญิง – ชาย ซึ่งส่วนมากแล้วเรามักจะถูกกำกับความคิดเรื่องเพศอย่างเบาในครอบครัว แต่กลับถูกกำกับความคิดอย่างหนักผ่านสถาบันทางสังคมอื่น ๆ อาจารย์เคท ครั้งพิบูลย์ อธิบาย ดังนั้นการแสดงออกทางเพศจึงไม่จำเป็นต้องตรงกับเพศกำเนิด และอัตลักษณ์ทางเพศเสมอไป
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันจะมีผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้นและมีการศึกษาทำความเข้าใจเรื่องเพศมากกว่าในอดีต แต่ในสังคมยังคงมีการ “ตีตราประทับมลทิน” ผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นชุดความคิดที่นำไปสู่การเลือกปฏิบัติ และผลิตซ้ำในรูปแบบของการปฏิบัติต่อบุคคล ข้อตกลงในการปฏิบัติภายในองค์กร ไปจนถึงการออกกฎหมาย นโยบายของประเทศที่ขาดความเข้าใจและไม่รองรับความหลากหลายทางเพศ เปรียบเสมือนกำแพงที่มองไม่เห็นที่กีดกันผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศจากโอกาส ความก้าวหน้า ทรัพยากร รวมถึงสิทธิต่าง ๆ เช่น การสมรส การอนุมัติให้แพทย์รักษาคู่สมรสในยามเจ็บป่วย การรับรองเพศสภาพ การมีบุตรด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ อีกด้วย ดังนั้นจึงมีการเดินขบวนพาเหรดรณรงค์สร้างการรับรู้และความตระหนักเกี่ยวกับ LGBTQIAN+ ในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นเดือนแห่งการครบรอบเหตุการณ์จลาจลสโตนวอลล์ (Stonewall Riots) เพื่อเรียกร้องสิทธิ และศักดิ์ศรีของผู้มีความหลากหลายทางเพศในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่เท่าเทียมกับคนอื่น ๆ
และถึงแม้เราจะไม่ใช่ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เราก็สามารถร่วมกันสร้างระบบสนับสนุนและพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้ที่มีความหลายหลากทางเพศได้ตั้งแต่ระดับบุคคลโดยการไม่ตัดสินจากภายนอก เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาคิดอย่างไร ผ่านความยากลำบากอะไรมาบ้าง ใช้ถ้อยคำที่เป็นกลางไม่ระบุเพศ เช่น ชมว่าดูดี แทนคำว่าสวย – หล่อ ระดับครอบครัวโดยพ่อแม่ยอมรับตัวตนของลูกและรักลูกโดยไม่มีเงื่อนไข หรือระดับองค์กร เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ประกาศให้นักศึกษาสามารถแต่งกายตามเพศสภาพได้ ไม่ใช้คำนำหน้านาม และเริ่มจัดให้มีห้องน้ำสำหรับทุกเพศ ระดับนโยบายโดยให้ตัวแทนผู้มีความหลากหลายทางเพศเข้าไปมีบทบาทร่วมในการผลักดัน กำหนดนโยบาย และออกกฎหมาย เป็นต้น
ในตอนท้ายของการเสวนา อาจารย์ ดร.พหล โกสิยะจินดา กล่าวว่าอยากให้เราเคารพผู้อื่น ให้เกียรติผู้อื่นและให้เกียรติตนเองในฐานะที่เป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ด้าน อาจารย์ นพ.สิระ กอไพศาล ได้ฝากว่าหากใครต้องการคำปรึกษา หรือมีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องความหลากหลายทางเพศ ไปจนถึงการข้ามเพศ มีแพทย์พร้อมให้ความช่วยเหลือที่คลินิกเพศหลากหลาย Gender Variation Clinic หรือ Gen V Clinic โรงพยาบาลรามาธิบดี ขณะที่ อาจารย์เคท ครั้งพิบูลย์ ได้ปิดท้ายว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเรียนรู้ที่จะเข้าใจและเคารพกัน เมื่อเราสร้างสังคมที่เคารพกันก็จะสามารถช่วยออกแบบการปฏิบัติและหาทางออกในทิศทางที่ดีได้ อยากฝากถึงทุกคนว่าเสียงของทุกคนมีความหมาย การเงียบเสียงไม่ช่วยให้อะไรเปลี่ยนแปลง แม้ว่าเราจะไม่ใช่ LGBTQIAN+ แต่การส่งเสียงออกมาจะช่วยให้เราออกแบบระบบนิเวศวิทยาที่ส่งผลดีต่อกันและกันได้ ปิดท้ายด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมพงษ์ จอห์นส์ แสงวิไล ซึ่งกล่าวว่า ตั้งแต่ที่เราระบุอัตลักษณ์ของตัวเองได้ ผ่านการเดินทางฟันฝ่าอุปสรรคหลายประการในฐานะผู้มีความหลากหลายทางเพศ ท้ายที่สุดแล้วการยอมรับตัวเองในสิ่งที่เป็นโดยไม่ต้องขอโทษใครเป็นความสุขที่สุดในชีวิต หวังว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจและยอมรับในตนเอง ขอเป็นกำลังใจให้กับชาว LGBTQIAN+ ทุกคน สำหรับกิจกรรมเฉลิมฉลอง Pride Month ในปีนี้จะไม่ใช่ปีสุดท้าย คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะปัญญาของแผ่นดินจะสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศให้มากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
-
ตรวจสอบโดย : อาจารย์เคท ครั้งพิบูลย์
อาจารย์ นพ.สิระ กอไพศาล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมพงษ์ จอห์นส์ แสงวิไล
อาจารย์ ดร.พหล โกสิยะจินดา -
ภาพข่าวโดย : นายนภาศักดิ์ ผลพานิช
นางสาวปัณณพร แซ่แพ