14 พฤศจิกายน 2568 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดกิจกรรมเสวนาพิเศษ Mahidol Science Cafe Vol. 3: Nobel Prize in Chemistry 2025 เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านเคมีสมัยใหม่ พร้อมนำเสนอผลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี ประจําปี 2025 ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในหลายสาขา
การเสวนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.จงกล ตันติรุ่งโรจน์ชัย อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ดร.บุญรัตน์ รุ่งทวีวรนิตย์ นักวิจัยทีมวิจัยตัวเร่งปฏิกิริยา กลุ่มวิจัยการเร่งปฏิกิริยาระดับนาโน การดูดซับและการคำนวณ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณพิชญุตม์ ธนัญชยะกุล บรรณาธิการบริหาร The Principia ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ ณ ห้อง 301 อาคาร MUSES คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท
ระหว่างการเสวนา รองศาสตราจารย์ ดร.จงกล ตันติรุ่งโรจน์ชัย ได้อธิบายถึง Metal–Organic Frameworks (MOFs) หรือ โครงข่ายโลหะ–อินทรีย์ ว่าเป็นวัสดุที่ประกอบด้วยโลหะและลิแกนด์อินทรีย์เชื่อมต่อกันเป็นโครงสร้างตาข่ายสามมิติที่มีรูพรุนสูง ส่งผลให้มีคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น การกักเก็บก๊าซ การกรองสารปนเปื้อน และการเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา นอกจากนี้ MOFs ยังสามารถถูกออกแบบและควบคุมขนาด รูปทรง และคุณสมบัติทางเคมี ให้มีความถูกต้องแม่นยำ ยกระดับศักยภาพในการนำวัสดุรูพรุนนี้ไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น
ต่อด้วย ดร.บุญรัตน์ รุ่งทวีวรนิตย์ ศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาวิชาเคมี ซึ่งเคยร่วมทำงานในห้องปฏิบัติการของ Prof. Yaghi ทำให้เข้าใจแนวคิดการออกแบบโครงสร้าง MOFs ในระดับลึก ซึ่งเป็นสาระสำคัญของรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปีนี้ ได้นำเสนอพัฒนาการของการค้นพบ MOFs ที่เริ่มตั้งแต่กว่า 30 ปีก่อน จากการบุกเบิก Prof. Richard Robson ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางรากฐานการออกแบบโครงข่าย (Network Topology) ของวัสดุกลุ่มนี้ พัฒนาต่อยอดโดย Prof. Susumu Kitagawa ผู้ค้นพบคุณสมบัติเด่นชัดด้าน “รูพรุนแบบยืดหยุ่น” (Flexible Porosity) ที่โครงสร้างสามารถปรับตัวเพื่อกักเก็บโมเลกุลได้อย่างจำเพาะเจาะจง และเกิดการก้าวกระโดดครั้งใหญ่โดย Prof. Omar M. Yaghi ผู้ผลักดัน “ศาสตร์แห่งการออกแบบ” (Reticular Chemistry) ทำให้สามารถสร้าง MOFs ที่มีพื้นที่ผิวสูงที่สุดในโลก และมีคุณสมบัติหลากหลาย รองรับการใช้งานครอบคลุมตั้งแต่การกักเก็บก๊าซ การกรองน้ำ ไปจนถึงการนำส่งยา เป็นต้น
รองศาสตราจารย์ ดร.จงกล ตันติรุ่งโรจน์ชัย กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันและอนาคต MOFs มีศักยภาพในการนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เช่น การกักเก็บก๊าซเรือนกระจกเพื่อช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การแยกก๊าซสำคัญในอุตสาหกรรม เช่น ไฮโดรเจน มีเทน การกรองน้ำและดักจับสารปนเปื้อนระดับนาโน การเร่งปฏิกิริยาเคมีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การนำส่งยา รวมถึงการดูดซับของเสียในร่างกายเพื่อใช้ทางการแพทย์
และสุดท้าย ดร.บุญรัตน์ รุ่งทวีวรนิตย์ ยังได้กล่าวเสริมถึงการจำลองการใช้งาน MOFs ในโรงไฟฟ้าและกระบวนการอุตสาหกรรมร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยกำลังพัฒนาเครื่องมือสำหรับแยกก๊าซซึ่งจะสามารถใช้งานจริงได้ในอนาคตอันใกล้ รวมถึงงานวิจัยด้านน้ำที่เน้นการกำจัดความชื้นและสารปนเปื้อน พร้อมผสมผสาน MOFs หลายชนิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรียและของเสียในระบบน้ำอีกด้วย
คุณสมบัติพิเศษของ MOFs ในระดับที่มองเห็นได้ด้วยตาช่วยเน้นย้ำถึงความสำคัญของผลงานวิจัยซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปีนี้ โดยองค์ความรู้ดังกล่าวกำลังถูกนำไปต่อยอดในหลากหลายสาขาที่จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อมวลมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพลังงานสะอาด ยารักษาโรคที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือเทคโนโลยีการกรองน้ำที่สามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
การเสวนาในครั้งนี้จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์ต่อการพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแล้ว ยังสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนและผู้สนใจหันมาศึกษาวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถรับชมการเสวนา Mahidol Science Cafe Vol. 3: Nobel Prize in Chemistry 2025 แบบย้อนหลังได้ที่ช่อง YouTube Mahidol Science Channel ในเร็ว ๆ นี้
เขียนข่าวโดย : นางสาวนันท์มนัส วิมลเศรษฐ
ตรวจสอบโดย : นางสาวปัณณพร แซ่แพ, นายพิชญุตม์ ธนัญชยะกุล
ภาพข่าวโดย : นายนนท์นภัทร อินทร์สุพรรณ์
เว็บมาสเตอร์: นางสาวปัณณพร แซ่แพ
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568












